ตูเจียงเยี่ยน

ตูเจียงเยี่ยน

        ตูเจียงเยี่ยนเป็นโครงการอนุรักษ์น้ำขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่โบราณและใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองตูเจียงเยี่ยน มณฑลเสฉวน เหนือต้นน้ำหมินเจียง ความยาว 340 กิโลเมตร ตูเจียงเยี่ยนสร้างขึ้น เพื่อควบคุมน้ำท่วม ผันน้ำชลประทานไปยังพื้นที่การเกษตรบริเวณโดยรอบ การขนส่งทางน้ำ และน้ำประปาในเมือง ตูเจียงเยี่ยนทำให้ที่ราบเฉิงตูมีระบบการชลประทานเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์" ของจีน

        ใน ค.ศ. 2000 ตูเจียงเยี่ยนร่วมกับภูเขาชิงเฉิงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม โดยเป็นโครงการอนุรักษ์น้ำขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สุดในโลกที่ใช้มาถึงปัจจุบัน

ภูเขาชิงเฉิงซาน

ภูเขาชิงเฉิงซาน

        ภูเขาชิงเฉิงซานเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดลัทธิเต๋าและเป็นหนึ่งในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเต๋าที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ห่างจากตูเจียงเยี่ยนทางตะวันตกเฉียงใต้ 10 ก.ม. อยู่ห่างจากเมืองเฉิงตูไปทางตะวันออก 68 ก.ม. มียอดเขา สูงจากระดับน้ำทะเล 1,600 เมตร

        ภูเขาชิงเฉิงซานมีจุดชมวิวที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิดเขียวขจีตลอดทั้งปี ได้รับฉายาว่าเป็น “ภูเขาเบื้องล่างสรวงสวรรค์ที่เงียบสงบและงดงาม”

ถนนคนเดินควนไจ่เซี่ยงจื่อ

ถนนคนเดินควนไจ่เซี่ยงจื่อ

        ตรอกควนไจ่เซี่ยงจื่อเป็นถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงของเฉิงตู เนื่องจากมีตรอกซอย (เซี่ยงจื่อ) หลัก 3 สาย ได้แก่ ตรอกกว้าง (ควนเซี่ยงจื่อ) และตรอกแคบ (ไจ่เซี่ยงจื่อ) และตรอกบ่อน้ำ (จิ่งเซี่ยงจื่อ) จึงได้ชื่อ “ควนไจ่เซี่ยงจื่อ” เดิมเป็นเขตพักอาศัยโบราณของทหารแปดกองธงสมัยราชวงศ์ชิง เป็นพื้นที่ที่อนุรักษ์อาคารบ้านเรือนโบราณไว้ได้ค่อนข้างดี ตรอกควนไจ่เซี่ยงจื่อได้รับรางวัล "ถนนคนเดินเชิงพาณิชย์ที่มีลักษณะเฉพาะของจีน" ใน ค.ศ. 2011 ได้รับเลือกให้เป็น 10 จุดชมวิวแห่งใหม่ของเฉิงตู และ 10 อันดับถนนที่สวยที่สุดในมณฑลเสฉวน

อู่โหวฉือ (ศาลเจ้าขงเบ้ง)

อู่โหวฉือ (ศาลเจ้าขงเบ้ง)

        ตั้งอยู่ชานเมืองทางตอนใต้ของเมืองเฉิงตู เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเฉิงตู ประกอบด้วย อู่โหวฉือ (ศาลเจ้าขงเบ้ง) ศาลเจ้าพระเจ้าเจาเลี่ย (เล่าปี่) และสุสานฮุ่ยหลิง (เล่าปี่) แต่นิยมเรียกรวมว่า “อู่โหวฉือ” ซึ่งเล่าปี่และขงเบ้ง เป็นบุคคลสำคัญในยุคสามก๊ก

        ใน ค.ศ. 2006 อู่โหวฉือได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับชาติระดับ AAAA และเป็นพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุสามก๊กที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศจีน

ถนนโบราณจิ๋นหลี่

ถนนโบราณจิ๋นหลี่

        ถนนโบราณจิ๋นหลี่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของอู่โหวฉือ ถนนคนเดินเก่าแก่ของเมืองเฉิงตู ซึ่งมีความยาวประมาณ 550 เมตร มีพื้นที่ 30,000 ตร.ม.อาคารบ้านเรือนสร้างตามแบบพื้นเมืองเสฉวนในช่วงปลายราชวงศ์ชิงและยุคต้นของสาธารณรัฐจีน

        ค.ศ. 2005 ถนนโบราณจิ๋นหลี่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน "10 ถนนคนเดินเชิงพาณิชย์ของจีน" ค.ศ. 2021 ได้รับเลือกจาก CNN ให้เป็น 1 ใน 21 ถนนที่สวยที่สุดในโลก

การแสดงเปลี่ยนหน้าเสฉวน (เปี้ยนเหลี่ยน)

การแสดงเปลี่ยนหน้าเสฉวน (เปี้ยนเหลี่ยน)

        การแสดงเปลี่ยนหน้าเสฉวนเป็นศิลปะการแสดงที่มีต้นกำเนิดมาจากอุปรากรเสฉวนของจีน การแสดงอุปรากรอื่นๆ นักแสดงต้องแต่งหน้าหลังเวทีหรือหลังม่านก่อนจึงจะแสดงได้อีกครั้ง แต่การแสดงเปลี่ยนหน้าเสฉวนจะเปลี่ยนหน้ากากได้อย่างฉับพลันทันที นักแสดงที่มีความสามารถมากจะเปลี่ยนใบหน้าได้มากถึง 10 หน้าทีเดียว

วัดต้าฉือซื่อ

วัดต้าฉือซื่อ

        วัดต้าฉือซื่อหรือที่เรียกว่า “วัดกู่ต้าเซิ่งฉือซื่อ” สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 3-4 จักรพรรดิถังเสวียนจงทรงมีดำรัสให้ก่อสร้าง "วัดต้าเซิ่งฉือซื่อ" ซึ่งวัดถูกทำลายด้วยสงครามและไฟไหม้หลายครั้ง อาคารที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิถงจื้อราชวงศ์ชิง

        ค.ศ. 1965 วัดถูกปิด ค.ศ. 1983 เปลี่ยนพิพิธภัณฑ์เฉิงตู และ ค.ศ. 2004 วัดได้กลับมาเปิดเป็นศาสนสถานให้สาธารณชนได้เข้าเยี่ยมชมอีกครั้ง

ถนนชุนซีลู่

ถนนชุนซีลู่

        ถนนชุนซีเป็นถนนสายการค้าที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเฉิงตูและเป็นหนึ่งในถนนการค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในจีน ประกอบด้วย ถนนคนเดิน 4 สาย ได้แก่ ถนนชุนซีตะวันออก ถนนชุนซีตะวันตก ถนนชุนซีใต้ และถนนชุนซีเหนือ เป็นหนึ่งในสามย่านการค้าที่สำคัญในเมืองเก่าของเฉิงตู

ถนนคนเดินไท่กู๋หลี่

ถนนคนเดินไท่กู๋หลี่

        ย่านการค้าและค้าปลีกแห่งใหม่กลางใจเมืองเฉิงตู เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2015 บนพื้นที่กว่า 100,000 ตร.ม. โครงการอยู่ติดกับวัดต้าฉือซื่อ มีศูนย์การค้าแบบเปิดโล่ง อาคารพาณิชย์ที่ผสมผสานระหว่างอาคารแบบดั้งเดิมกับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ โรงแรมบูติค และอาคารสำนักงาน ลานและอาคารทั้งหมดได้รับการปกป้อง บูรณะ และอนุรักษ์ไว้อย่างเหมาะสม ชีวิตในเมืองที่สร้างสรรค์ทันสมัย ​​และการพัฒนาที่ยั่งยืน มีความหมายแฝงทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์มากมาย โดยมีแนวคิด "ความเปิดกว้าง" ที่เน้นผู้คน ทำให้ผู้คนเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาดีๆ ในใจกลางเมืองที่วุ่นวาย